สกินแคร์ สามารถซึมลึกถึงใต้ผิวคุณได้ทั้งหมดจริงหรือ?
แม้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมากมาย จะกล่าวอ้างว่าใช้สูตรที่ซึมซาบลงสู่ผิวได้ง่าย แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า ผลิตภัณฑ์นั้นสามารถซึมลงสู่ผิวได้ในระดับที่น่าพอใจจริงหรือไม่
ผลิตภัณฑ์ที่ยืนยันว่ามีส่วนผสมที่ “ซึมลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว” เพื่อช่วยจัดการกับปัญหาผิวนานัปการ อาจจะดูน่าสนใจ เพราะมีความเชื่อกันว่า ยิ่งซึมลงสู่ผิวได้ลึกเท่าไหร่ ก็น่าจะยิ่งได้ประสิทธิภาพสูงขึ้นเท่านั้น แต่ประเด็นสำคัญคือ ผลิตภัณฑ์นั้นสามารถซึมลงสู่ผิวคุณได้จริงหรือ? สำหรับความเชื่อเรื่องนี้ เราขอหยิบยกคำอธิบายบางส่วนของ Dr Marisa Garshick แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ใน instyle.com มาช่วยคลี่คลายความสงสัยให้คุณ!
Dr. Garshick เปิดเผยว่า ผิวมีหน้าที่สำคัญมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เป็น “ปราการหรือเกราะป้องกัน และปกป้องมิให้เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย”
เพราะผิวถูกกำหนดให้มีหน้าที่ปกป้องสิ่งที่อยู่ภายใน จึงไม่ได้หมายความว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทุกอย่างจะซึมลงสู่ผิวได้เหมือนฟองน้ำ และกระบวนการซึมลงสู่ผิวของสารแต่ละชนิดก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงแค่แต้มลงไปบนผิวแล้วจะซึมลงไปได้ดี แต่ต้องผ่านการทดสอบ วิจัย และพัฒนามากมายเพื่อให้สกินแคร์สามารถซึมลงสู่ชั้นผิว (Transdermal) ได้ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อความสามารถในการซึมลงสู่ผิวของผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เช่น
- สูตรและปริมาณที่ใช้ สกินแคร์จะซึมลงสู่ผิวและมีปฏิกิริยากับผิวหนังแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสูตรของผลิตภัณฑ์นั้น ซึ่งในทางชีววิทยา ชั้นผิวภายนอกของเราคือ Phospholipid Bilayer ดังนั้นผลิตภัณฑ์และอิมัลชั่น (Emulsion) ชนิดละลายในน้ำมัน (Lipophilic) จึงซึมลงสู่ผิวได้ดีกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ประเภทใช้น้ำเป็นส่วนประกอบหลัก (Water-based)
- ขนาดโมเลกุล โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งโมเลกุลมีขนาดใหญ่ ก็ยิ่งซึมผ่านผิวชั้นนอก (Skin Barrier) ได้ยากขึ้น ส่วนสกินแคร์ที่มีโมเลกุลขนาดเล็กกว่า จะสามารถซอกซอนลงสู่ผิวได้ลึกกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าสกินแคร์ที่ไม่ซึมลงสู่ผิวและอยู่บนชั้นผิวภายนอกจะไม่มีคุณประโยชน์ใด ๆ เลย เพราะการดูแลชั้นผิวภายนอกให้แข็งแรงก็มีความสำคัญมากเช่นกัน และนั่นเป็นประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ซึมลงสู่ใต้ผิว ดังนั้น จึงสรุปได้ง่าย ๆ ว่าการที่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจะสามารถซึมลงสู่ใต้ผิวได้นั้น (ไม่เกี่ยวกับการเข้าสู่กระแสเลือด) เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน
- ตำแหน่งที่สกินแคร์จะซึมลงสู่ใต้ผิว ตำแหน่งที่ใช้สกินแคร์มีความสำคัญมาก เพราะสกินแคร์จะซึมผ่านผิวที่บางกว่าได้ง่ายกว่าผิวส่วนที่หนากว่า
เปิดรับคุณประโยชน์สูงสุดจากสกินแคร์ของคุณ!
CollaSence Advanced Activator เป็นนวัตกรรม Skin Booster จาก ULTIMA II ที่จะช่วยให้ผิวคุณได้รับคุณประโยชน์สูงสุดจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และช่วยให้ผิวนุ่มละมุน แลดูกระจ่างใส ด้วยส่วนผสมของ CollaSence ซึ่งเป็น Signature Collagen จาก ULTIMA II ที่เกิดจากการรวมตัวของ Signature Collagen ถึงสามชนิด ผสานกับเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะอย่างลงตัวที่สุด เพื่อทำหน้าที่ดูแลผิวคุณให้แข็งแรง พร้อมทั้งชะลอการเกิดสัญญาณความร่วงโรยแห่งวัย
และเนื่องจากเป็น Skin Booster ใหม่ที่อัพเกรดมาจาก Procollagen Extrema Advanced Activator จึงปรุงสูตรผสมที่เพิ่มคุณค่าของ PFE-RX (Pseudoalteromonas Ferment Extract RX) จากทะเลแอนตาร์คติกร่วมด้วย ซึ่งสารสกัดสำคัญในผลิตภัณฑ์เจเนอเรชั่นสองนี้ มีคุณสมบัติเด่นเรื่องเติมความชุ่มชื่น ให้ผิวอิ่มน้ำ พร้อมทั้งช่วยคงความยืดหยุ่นของผิวได้ดีเป็นพิเศษ จึงส่งผลให้คุณประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั้งหมดซึมลงสู่ผิวคุณได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อใช้ CollaSence Advanced Activator ในตอนเช้าและเย็นเป็นขั้นตอนหนึ่งในกิจวัตรความงาม นอกจากจะช่วยเสริมคุณประโยชน์จากผลิตภัณฑ์อื่นที่คุณใช้ได้ตรงตามคุณสมบัติของชื่อ Advanced Activator แล้ว CollaSence Advanced Activator ยังมีคุณประโยชน์ในตัวเองอีกหลายประการร่วมด้วย ซึ่งคุณสามารถใช้ CollaSence Advanced Activator ตามหลังโทนเนอร์ และก่อนขั้นตอนของ Essence หรือ Serum และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด เราขอแนะนำให้คุณดูแลผิวตามขั้นตอนทั้งหมดนี้ให้เป็นกิจวัตร
ที่เหลือ ก็แค่เตรียมต้อนรับผิวสุขภาพดีที่มีครบทั้งความชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์!
ที่มา: InStyle